The Twilight Saga

Do you believe in destiny?

กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อยู่ดีๆ ก็เผลอตัวเป็นสาวก ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ กับ The Twilight Saga นิยายแฟนตาซีของคุณแม่ลูกสาม Stephenie Meyor ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว (รู้ตัวช้าไปหลายปีทีเดียว ชาวบ้านร้านตลาดเค้ากรี๊ดกันไปตั้งนานแล้ว)

——————————————————-

“About three things I was absolutely positive.

First, Edward was a vampire.

Second, there was part of him — and I didn’t know how potent that part might be — that thirsted for my blood.

And third, I was unconditionally and irrevocably in love with him.”

——————————————————-

เรื่องราวความรักของเบลลา กับ เอ็ดเวิร์ด แวมไพร์ิหนุ่มผู้หล่อเหลา

เมื่อเลือดของเธอคือสิ่งที่เย้ายวนที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสมา

เมื่อความสุขของเธอคือสิ่งที่เขาอยากปกป้องเหนือสิ่งใด

แต่จะทำอย่างไรเมื่อคนที่คุณรักมากที่สุดในโลก กลับเป็นคนที่อันตรายมากที่สุดสำหรับชีวิตคุณ

——————————————————–

ฟังพลอทเรื่องแล้วอาจจะดูธรรมดา แต่สเน่ห์ของเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านแทบจะลงไปแดดิ้น ต้องยกให้กับสไตล์การเล่าเรื่องของผู้เขียน ที่ใส่อารมณ์ได้ซาบซึ้ง ทำให้เห็นถึงความรู้สึกของตัวละครที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้น ทั้งอบอุ่น ซาบซึ้ง หวานกุ๊กกิ๊ก น่ารัก บางครั้งก็บีบคั้นจนไม่รู้จะพีคยังไงแล้ว ไหนจะ conflict ของเรื่องมนุษย์กับแวมไพร์ที่ถึงจะรักกันปานจะกลืนยังไงก็ยังไม่วายมีอุปสรรค บวกกับพล็อทเรื่องเสริมที่ทำให้คนอ่านลุ้นแทบจะพลิกหน้าต่อไปไม่ทัน

เรื่องนี้จัดอยู่ใน genre YA (Young Adult) (ตัวเอกอายุแค่ 17 ยังเรียนไฮสคูลอยู่เลย)

ตอนเริ่มอ่านตอนแรกก็ยังนึกว่าไม่น่าจะอิน เพราะวัยห่างไกลกันเหลือเกิน

แต่ขอสารภาพค่ะ ว่าอ่านแล้ววางไม่ได้จริงๆ แถมอ่านอย่างเดียวไม่พอ ยังกลิ้งไปกลิ้งมา ครางฮือๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนคนบ้า (โชคดีที่เก็บอาการไว้ได้ตอนอยู่บนรถไฟฟ้า)

สนุกขนาดไหนก็คิดดูว่า Twilight เล่มแรกความหนาขนาด 500 กว่าหน้า ดิชั้นใช้เวลาอ่านเพียง 2 วันเท่านั้น เรียกว่าอ่านกันลืมตายไปข้างนึง ว่างไม่ได้ต้องอ่านๆๆๆ

ยัง ยังไม่พอ ด้วยความติดงอมแงมขนาดหนัก หลังจากอ่านเล่มแรกจบ วันรุ่งขึ้นก็ไปขนซื้อหนังสือที่อยู่ในชุดอีกสามเล่มรวด คือ New Moon, Eclipse, และเล่มสุดท้าย Breaking Dawn

พร้อมทำสถิติอ่านอีก 3 เล่มจบภายใน 4 วัน

(New Moon : 563 หน้า,

Eclipse : 629 หน้า,

Beaking Dawn: 754 หน้า –สังเกตว่าเล่มมันหนาขึ้นเรื่อยๆ ใช่มะ 555)

แถมตอนอ่านยังต้องคอยบังคับตัวเองไม่ให้เหลือบสายตามองหน้าถัดไปด้วยนะ เป็นเอามากจริงๆ ดิชั้น

แต่ตอนอ่านเนี่ยก็ไม่ได้แทนตัวเองว่าเป็นเบลลาหรอกนะ ติดจะหมั่นไส้แกมรำคาญยัยผู้หญิงอารมณ์ปรวนแปรคนนี้น่ะ แต่โอ้่พระเจ้าจอร์จ ไม่ไหวแล้วหลงรักเอ็ดเวิร์ดแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขั้นเพ้อจนคุณแฟนส่ายหน้าระอา -“-

ส่วนตัวแล้วชอบ Twilight กับ Beaking Dawn มากที่สุด แต่เล่มที่เหลือก็ให้อารมณ์บีบคั้นไม่น้อยทีเดียว ถึงแม้จะมีหลายคนบ่นพึมไม่ชอบตอนจบ ประมาณว่าไม่ได้ดังใจ แต่เราก็ชอบของเรายังเงี้ยแหละ ใครจะทำไม

—————————————————————————-

เรื่อง Twilight มีการทำเป็นหนังแล้วและกำหนดจะเข้าฉาย ปลายปีนี้ (เห็นบอกว่าเข้าเสียบฉายแทน กำหนดเวลาเดิมของ แฮรี่ พอทเตอร์ แต่ official website ของหนังก็ระบุไว้ว่า Twilight ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการตัดสินใจของวอเนอรส์นะจ๊ะ ค่ายเค้าออกใหญ่ขนาดนั้น ยังไงก็ตามการที่แฮรี่เลื่อนฉายออกไปก็ทำให้ผู้สร้าง Twilight ตัดสินใจออกฉายหนังเรื่องนี้ก่อนกำหนดถึง 3 อาทิตย์ (แฟนแฮรี่เซ็งเป็ด แต่แฟนทไวไลท์ชูจั๊กกะแร้ไชโย 555)

Twilight เวอร์ชั่นหนังกำกับโดย Catherine Hardwicke ผู้กำกับมือรางวัลจาก Thirteen และ Lords of Dogtwon (สารภาพด้วยความเจียมตัวว่าไม่เคยดูทั้งสองเรื่อง และจะไปหาดูในเร็ววันนี้)

ฝ่ายเอ็ดเวิร์ด แวมไพร์ผู้ต้องหล่อเหลาปานเทพบุตร หลังจากปล่อยให้แฟนๆ วาดภาพพระเอกนางเอกกันเอาเองมาหลายเวอร์ชั่น ผู้สร้างก็เลือกเอา Robert Pattinson ที่เล่นเป็น เซดดริก เกรกอรี่ ในแฮรี่ พอทเตอร์ ภาคสี่ มาเล่นเป็นแวมไพร์นันย์ตาเซ็กซี่ และเบลลา เล่นโดย Kristen Stewart นักแสดงสาวที่เคยเล่นเป็นลูกโจดี้ ฟอสเตอร์ ใน Panic Room และก็เห็นแว่บๆ ใน Jump

ส่วนตัว (อีกแล้ว)รู้สึกว่ายังไม่ค่อยตรงกับภาพเอ็ดเวิร์ดกับเบลลาที่มีในหัวเท่าไร คือเอ็ดเวิร์ดน่าจะหล่อมากๆๆๆๆ กว่านี้ นุ่มลึกกว่านี้ ซึ่งอันนี้เ็ป็นความผิดคนเขียนเต็มๆ อ่ะ เพราะบรรยายไว้ซะหล่อสุดๆๆๆๆๆๆๆ จนไม่น่าจะหาใครหรือมนุษยหน้า์ไหนมาเล่นเป็นพ่อแวมไพร์คนนี้ได้แล้ว ส่วนตัวเบลลาก็ควรจะสวยน้อยกว่านี้ คือต้องไม่สวยจัดมากแต่มีสเน่ห์น่าปกป้อง

แต่พอไปดูเทรลเลอร์หนังกับบรรดาวีดีโอต่างๆ ที่แฟนๆ มาโพสไว้ใน youtube ก็เริ่มเห็นความหล่อกระแทกตา คือคงจะเป็นอีกเวอร์ชั่นนึง เห็นว่าเจ๊สเตฟานี่เค้าเลือกของเค้ามาแล้ว ที่สำคัญคือดูไปดูมาตัวนักแสดงเองก็ดูมีเคมิสทรีเข้ากันมากๆ น่าจะทำให้อินได้ไม่ยากทีเดียวแหละ (ก็คงต้องมาลุ้นกันว่าทำออกมาเป็นหนังแล้วจะให้อารมณ์อ่อนไหว ซาบซึ้งตรึงใจเหมือนตอนเป็นตัวหนังสือรึเปล่า –ก็พูดไปงั้นแหละ จริงๆ ตอนนี้ตัวเองก็เคลิ้มไปแล้ว อยากดูๆๆๆ ตอนหนังเข้าคาดว่าตัวเองคงจะตุหรัดตุเหร่อยู่ซักที่ไหนที่หนึ่งในเดีย แต่ติดสินบนคุณแฟนไว้แระ ยังไงก็จะไปดูให้ได้ 555-เช็ดน้ำลาย-)

อันนี้เป็นตัวอย่าง เอ็ดเวิร์ด กับเบลลา เวอร์ชั่นต่างๆ ตามจินตนาของบรรดาแควนๆ

____________________________________________________________________________

สุดท้าย ความดีความชอบทั้งปวงต้องขอยกให้ พี่ขเจน เมื่อคราวแวะไปดูเอเชียบุคส์มาออกบูทลดราคาหนังสือด้วยกัน เกือบจะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาแล้วเชียว โอยคุณพี่ขา คุณน้องขอกราบงามๆ สามที ฝากกราบไปถึงเพื่อนคุณพี่ด้วยค่ะ ที่แนะนำมาว่าหนังสือเรื่องนี้สนุกมาก ถ้าไม่ได้คำแนะนำพี่ล่ะก็ คงไม่ได้รู้จักหนังสือเล่มนี้ (เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การตัดสินใจแบบด่วนได้ อาจให้คุณอนันต์ 555)

_______________________________________________________________________________

ขอเสริมอีกนิดว่า Twilight เล่มแรกน่ะออกมาตั้งกะปี 2005 แล้ว และก็โด่งดังมากมายไปทั่วโลก ตอนนี้มีเว็บไซ์แฟนคลับเรื่องนี้อยู่หลายร้อยไซท์ แปลเป็นภาษาต่างๆ มากมายรวมทั้งไทย ไม่นับสารพัดวีดีโอที่โพสอยู่ใน youtube

นิยายเรื่องนี้กลายเป็น #1 Best Seller ของ New York Times ขายดิบขายดีถล่มทลาย จนหลายคนเอาไปเปรียบเทียบกับ Harry Potter บ้างล่ะ หรือสตฟานี่จะกลายเป็น เจเค โรลลิ่งคนต่อไปบ้างล่ะ จะด้วยความเป็นเรื่องราวประเภทแฟนตาซี และจินตนาการ หรือนักเขียนเจ้าของเรื่องที่เป็นแม่บ้านแต่มาดังเป็นพลุแตกจากผลงานชิ้นแรก (เป็นแฟนทั้งสองเรื่อง แต่เราว่ามันเอามาเทียบกัน บ่ได้ดอกนะนายจ๋า)

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปขุดคุ้ยหากันให้สะใจที่เว็บไซท์

Twilight Series มีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือแต่ละเล่ม มี FAQ แถมยังมีบท takeouts ที่ถูกตัดออกจากรื่องไว้อ่านแก้เหงาด้วย ส่วน official website ของ twilight ภาคหนังก็นี่เลย

Twilight Movie

ส่วนใครที่อยากอ่านฉบับภาษาไทย ก็มีแปลกันไปแล้ว 2 เล่ม ใช้ชื่อว่า แรกรัตติกาล (Twilight) กับ นวจันทรา (New Moon) ของ สำนักพิมพ์ปราชญ์เปรียว แว่วมาว่าคนแปลเล่มแรกแปลดีมาก เล่นเอานักอ่านชาวไทยติดงอมแงมกันทั่วบ้านทั่วเมือง ส่วนเล่มสองกระแสไม่ค่อยดีเท่าไร เห็นว่าใช้ผู้แปลคนละคนกัน

แต่ใครรอไม่ไหวก็ไปหาอ่านฉบับอังกฤษได้นะคะ มีครบสี่เล่มแล้ว จะได้ไม่ต้องรอข้ามปีน้าา

ไปล่ะ ว่าแล้วก็ขอไปเริ่มอ่านใหม่ อีกซักจบดีกว่า..อิอิ

7 ความเห็น to “The Twilight Saga”

  1. Khun Chompu (hahaha..we have the same name na nia ^^)
    Truly understand how you feel coz i remember how much i wanted to go home and just do nothing but reading the book na. Too bad I’m not in Bangkok so I can’t lend you my books.

    Hope you can find book 2 and book 4 as soon as possible na ka. Finger crossed for you ka. 🙂

  2. ตอนนี้ก็ติดงอมแงมเหมือนกันค่ะ วิ่งหาซื้อหนังสือกันให้พล่านเลย เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก ไม่รู้ว่าพลาดไปได้ไงเนี่ย ?!!!

    เลยต้องมาตามล่าหาหนังสือตอนที่ชาวบ้านเค้าเริ่มฮิตกันน่ะ ยากชะมัด

    คือ เป็นการตระเวนหาซื้อหนังสือซะทั่วกรุงเทพ เลยไปได้ เล่มหนึ่ง กะเล่มสามที่เป็นภาษาไทยมาค่ะ ตอนนี้ อยากอ่านเล่มสองมากกกกก ทรมานมากเลยนะเนี่ย เวลาที่อ่านเล่มสามเสร็จแล้วก็มาอ่านเล่มหนึ่งต่อ(เพราะหาซื้อเล่มสามได้ก่อนเล่มหนึ่ง) แล้วก็ไม่มีเล่มสองที่อยู่ตรงกลางของเรื่องทั้งหมดให้อ่าน แล้วมันก็ยากอีกเรื่องคือ เป็นคนอ่านหนังสือเร็วค่ะ ถึงกับต้องตัดใจวางหนังสือ กลัวมันจบอ่ะ แต่ในที่สุด ก็ใช้เวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงสำหรับหนังสือเล่มหนึ่ง และเล่มสามค่ะ ก็ใครจะไปห้ามใจไหวล่ะคะ เฮ้ออออ!!!

    ตอนนี้เลยอยากอ่านเล่มสองมากค่ะ อยากอ่านมากๆๆ ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง คนที่อยู่ในอารมณ์นี้คงเข้าใจกันนะคะ

    ใครที่มีช่วยกรุณาสงเคราะห์หน่อยได้มั้ยคะ จะเป็นพระคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

    จะภาษาไทย หรืออังกฤษก็ได้ค่ะ

    จะขายต่อมือสอง มีเล่มใหม่สต็อกไว้ขาย หรือซีร็อกซ์ให้ก็ได้ค่ะ
    สัญญาว่าจะไม่เอาไปละเมิดลิขสิทธิ์ และจะซื้อเล่มจริงแน่นอนค่ะ(ถ้าซีร็อกซ์ให้) เพราะเรารักหนังสือ อยากสะสมเก็บไว้เป็นชุดๆค่ะ

    ยังไงรบกวนติดต่อ ชมพู่นะคะ
    February_thurs@hotmail.com
    089-248-4400
    จะเป็นพระคุณมากเลยค่ะ รบกวนด้วยนะคะทุกๆๆคน

    จะรอค่ะ ^^

  3. เพิ่งได้อ่านที่น้องชมฯ เขียน แหม แอบเขินที่ให้เครดิตเราในฐานะผู้แนะนำหนังสือ ทั้งที่เราเองยังไม่ได้หามาอ่านเลย แต่ไปดูหนังแล้วชอบมาก อย่างไรก็ตาม มาอยากอ่านเอาตอนนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะหนังสือเกลี้ยงแผงทุกที่ ล่าสุดที่เอเชียบุ๊คส์บอกว่า หนังสือที่สั่งไว้จะมาอีกทีกลางเดือน..เซ็งสุด ๆ

  4. ชอบเรื่องนี้มากเลย จนอยากจะไปหาซื้อมาอ่าน
    เลยอยากรบกวนถามหน่อยค่ะ ว่าภาษาอังกฤษมันยากไหม๊อ่ะค่ะ
    ภาษาอังกฤษค่อยข้างอ่อนแออ่ะ TTOTT
    ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป อยากขอเมล์ไว้คุยกันหน่อยคะ
    ตามอีเมล์ข้างบนเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ

  5. นู๋กิ๊ฟซี่ ไปหาอ่านด่วน ตอนนี้พี่เป็นพวกคลั่งลัทธิไปแล้วเจอใครต้องโฆษณาเรื่องนี้ ได้ค่าคอมกับเค้าก็ไม่ใช่ แต่รีบไปอ่านก่อนหนังเข้าแหละดีแล้ว เวลาดูจะได้อิน หรือเกิดจับพลัดจับผลูหนังทำออกมาไม่ดี อย่างน้อยเราก็บอกได้ว่า หนังสือสนุกกว่าตั้งเยอะ hehehe

    ^^

  6. อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษเคยแนะนำให้อ่านเหมือนกัน

    นานแล้ว

    แต่ก็ไม่ได้หาอ่านซะที

    ต้องลองซะแล้ววววว

ส่งความเห็นที่ Just A Gift ยกเลิกการตอบ